ชื่อโครงการ

จ่าย 10,000 คืน 9,000 : กล่องบริการพิเศษ สสว. อุดหนุน 90%

วันที่ยื่นข้อเสนอ

06 พ.ย. 2566, 12:00 - 30 พ.ย. 2567, 17:00




รายละเอียดโครงการ

ความเป็นมา

     สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS หรือ (Business Development Service) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ให้ได้รับโอกาสในการเข้าถึงการบริการสนับสนุนด้านการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่ ที่ผู้ประกอบการ SME จะสามารถเลือกรับการบริการ หรือรับการพัฒนากับผู้ให้บริการทางธุรกิจ (Business  Development Service Provider : BDSP) ในด้านที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจของตน โดย สสว. จะอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการพัฒนาให้แก่ผู้ประกอบการ SME แบบร่วมจ่าย  (co-payment)  ในสัดส่วนร้อยละ 50 – 80 สูงสุดรายละไม่เกิน 200,000 บาท ตามขนาดของธุรกิจ ซึ่งผู้ประกอบการ SME สามารถยื่นข้อเสนอเพื่อขอรับการบริการและการพัฒนาในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าและบริการ การเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพธุรกิจ การตลาด ฯลฯ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ http://bds.sme.go.th 

     ซึ่งจากการดำเนินโครงการที่ผ่านมาเพื่อเป็นการให้การช่วยเหลืออุดหนุนผู้ประกอบการในลักษณะพิเศษ สสว. จึงเปิดบริการพิเศษสำหรับผู้ประกอบการ MSME ทุกกลุ่ม  ภายใต้โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS หรือ “SME ปัง ตังได้คืน” ในชื่อแคมเปญ “จ่ายหนึ่งหมื่น คืนเก้าพัน”  โดย สสว. ให้การอุดหนุนพิเศษ ในสัดส่วน 90% วงเงินไม่เกิน 10,000 บาท โดยกล่องบริการพิเศษนี้จะเน้นบริการด้านการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น Cloud, AI, ERP, POS เป็นต้น  และบริการด้านบัญชีการเงิน เช่น ระบบบัญชี การจัดทำบัญชี เป็นต้น  โดยในปี 2567 ผู้ประกอบการสามารถเลือกยื่นข้อเสนอการพัฒนาธุรกิจได้ 2 สิทธิ์/2 ข้อเสนอการพัฒนา ในวงเงินตามสัดส่วนตามขนาดธุรกิจ 

 

***SME ยื่นข้อเสนอการพัฒนาได้เป็น 2 ระยะ คือ
1. ตั้งแต่วันนี้ - 31 กรกฎาคม 2567

2. ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน - 30 พฤศจิกายน 2567 

ทั้งนี้ผู้ประกอบการจะต้องดำเนินการพัฒนา รายงานผลการพัฒนา และนำส่งเอกสารการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จตามรายละเอียดตามที่ได้ลงนามในสัญญา***

สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการ (e-Voucher)

สสว. จะช่วยเหลือ อุดหนุนงบประมาณแก่ผู้ประกอบการ SME ที่ยื่นข้อเสนอการพัฒนาและได้รับการอนุมัติแล้วในสัดส่วนดังนี้

หมายเหตุ

  1. เพื่อเป็นการส่งเสริมการเข้าสู่การเป็นนิติบุคคล กรณีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ไม่ใช่นิติบุคคล แต่มีการจดทะเบียนกับหน่วยงานภาครัฐ มีรายได้เข้าเกณฑ์วิสาหกิจขนาดกลาง (ME) ให้ได้รับสิทธิ์การช่วยเหลือ อุดหนุน จากกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตามเกณฑ์วิสาหกิจขนาดย่อม (SE) เท่านั้น
  2. ในการกำหนดกลุ่ม MSME  จะพิจารณาข้อมูลรายได้ล่าสุด ที่ได้จากการตรวจสอบของ สสว. หรือ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือกรมสรรพากร
  3. สัดส่วนความช่วยเหลืออุดหนุน 90% เฉพาะบริการ ดังต่อไปนี้
    - บริการด้านการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น Cloud, AI, ERP, POS เป็นต้น
    - บริการด้านอบรมที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562
    - บริการด้านอบรมตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ เพื่อให้ได้รับรองมาตรฐานตามที่กำหนด
    - บริการด้านบัญชีการเงิน เช่น ระบบบัญชี การจัดทำบัญชี เป็นต้น

 

คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ

คุณสมบัติของผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการขอยื่นข้อเสนอการพัฒนาเพื่อรับความช่วยเหลือ อุดหนุน จากโครงการฯ

 SME ที่ขอรับความช่วยเหลือ อุดหนุน จากเงินกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ต้องมีสถานะความเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้

     1.  เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือเป็นบุคคลธรรมดาที่จดทะเบียนการประกอบธุรกิจกับหน่วยงานภาครัฐ โดยมุ่งเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมในสาขาดังต่อไปนี้

  • กลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง
  • กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม การผลิตยาและสมุนไพร
  • กลุ่มอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) หรือ BCG
  • กลุ่มอุตสาหกรรม New S-Curve
  • กลุ่มอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อาหาร ภาพยนตร์ ศิลปะ หนังสือ ดนตรีและเฟสติวัล กีฬา ออกแบบและแฟชั่น เป็นต้น
  • กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ

     2.  เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME One ID)

     3.  กรณีเป็นบุคคลธรรมดา ต้องมีสัญชาติไทย 

     4.  กรณีเป็นนิติบุคคล ต้องมีจำนวนหุ้นที่บุคคลสัญชาติไทยถืออยู่เกินกว่าร้อยละห้าสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด

     5. ไม่เป็นบุคคลล้มละลายหรือถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์

     6. ไม่ประกอบกิจการที่ขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดี

     7. ไม่อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนหรือตัดสิทธิการขอรับความช่วยเหลือ การส่งเสริมหรือสนับสนุนจากเงินกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

     8. เป็นผู้ยื่นชำระภาษีตามกฎหมาย และต้องแนบสำเนารายการแสดงการยื่นภาษีประจำปี และเอกสารตามแต่ละสถานะของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ดังนี้

 

       (8.1) กรณีเป็นบุคคลธรรมดา ที่ไม่ใช่วิสาหกิจชุมชน จะต้องยื่นสำเนาแบบแสดงรายการ ภงด.90 ประจำปีภาษีระหว่างปี 2564 - 2566 อย่างน้อย 1 ปีภาษี หรือ ยื่นสำเนาแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ภพ.30 ประจำปีภาษีระหว่างปี 2564 - 2566 อย่างน้อย 1 ปีภาษี โดยจะต้องยื่นครบ 12 เดือนของปีภาษีนั้น

 

         (8.2) กรณีเป็นวิสาหกิจชุมชน ที่ไม่ใช่นิติบุคคล และมีรายได้ไม่เกิน 1,800,000 บาท/ปี จะต้องยื่นเอกสารดังต่อไปนี้

                  ก.   สำเนาหนังสือจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป

                 ข. เอกสารยืนยันสถานะการประกอบกิจการตามแบบฟอร์มที่สำนักงานฯ กำหนด ซึ่งต้องลงนามรับรองโดยหัวหน้า หรือผู้มีอำนาจสูงสุด หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากหัวหน้าหรือผู้มีอำนาจสูงสุดขององค์การเอกชนตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ.2543 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือส่วนราชการ หรือ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เป็นผู้ลงนามรับรอง เช่น เกษตรอำเภอ, เกษตรจังหวัด, หัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัด, พัฒนากรตำบล, พัฒนาการอำเภอ, พัฒนาการจังหวัด, อุตสาหกรรมจังหวัด, พาณิชย์จังหวัด ฯลฯ

                ค.  สำเนาเอกสารรายรับ รายจ่าย ของวิสาหกิจชุมชนในปี 2565 - ปี 2566 ที่ลงนามรับรอง โดยผู้มีอำนาจลงนาม เช่น ประธานกลุ่ม เป็นต้น

                ง.   สำเนาบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีหรือเอกสารแสดงเลขประจำตัวผู้เสียภาษี

 

        (8.3) กรณีเป็นวิสาหกิจชุมชน ที่ไม่ใช่นิติบุคคล แต่มีรายได้เกิน 1,800,000 บาท/ปี จะต้องยื่นสำเนาแบบแสดงรายการ ภงด.90 ประจำปีภาษีระหว่างปี 2564 - 2566 อย่างน้อย 1 ปีภาษี หรือ ยื่นสำเนาแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ภพ.30 ประจำปีภาษีระหว่างปี 2564 - 2566 อย่างน้อย 1 ปีภาษี โดยจะต้องยื่นครบ 12 เดือนของปีภาษีนั้น

 

        (8.4) กรณีเป็นวิสาหกิจชุมชนซึ่งมีสถานะเป็นนิติบุคคล หรือเป็นนิติบุคคลอื่น ๆ ทุกประเภท จะต้องยื่นสำเนาแบบแสดงรายการ ภงด.50 ประจำปีภาษีระหว่างปี 2564 - 2566 อย่างน้อย 1 ปีภาษี หรือ ยื่นสำเนาแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ภพ.30 ประจำปีภาษีระหว่างปี 2564 - 2566 อย่างน้อย 1 ปีภาษี โดยจะต้องยื่นครบ 12 เดือนของปีภาษีนั้น

 

   9. มีคุณสมบัติหรือไม่มีลักษณะต้องห้ามอื่นตามที่สำนักงานประกาศกำหนด

 

เอกสารประกอบการเสนอขอเบิกจ่ายเงินและการขอรับเงินโอนผ่านระบบ KTB  Online ของผู้ประกอบการ SME

หมายเหตุ  1. ผู้มีสิทธิ์รับเงินเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมในการโอนเงินทั้งจำนวนตามที่ธนาคารเรียกเก็บ หากบัญชีรับโอนเงินเป็นบัญชีของธนาคารกรุงไทย 

                      ค่าธรรมเนียมโอนเงินครั้งละ 10 บาท หากเป็นบัญชีของธนาคารอื่นจำนวนเงินโอนไม่เกิน 2 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมโอนเงินครั้งละ 12 บาท

 

ดาวน์โหลด
ประกาศสำนักงานฯ เรื่อง เชิญชวน SME และ BDSP ขึ้นทะเบียนบนระบบ BDS ปี 2567 (พ.ย.2566)
ประกาศสำนักงานฯ เรื่อง แนวปฏิบัติการเบิกจ่ายกรณีโอนสิทธิเรียกร้องในการรับเงิน BDS (มิ.ย.2566)
ประกาศสำนักงานฯ เรื่อง แนวปฏิบัติการเบิกจ่ายให้แก่ SME ผ่านระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ (มิ.ย.2566)
ประกาศสำนักงานฯ เรื่อง แนวปฏิบัติการการรับเงินช่วยเหลือ อุดหนุน (เม.ย.2565)
แบบฟอร์มหนังสือรับรองการไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
แบบฟอร์มการอุทธรณ์ผลการพิจารณาการให้ความช่วยเหลือ อุดหนุน
แบบฟอร์มการยืนยันตัวตนของวิสาหกิจชุมชนที่ไม่ใช่นิติบุคคล (พ.ย.2566)
แบบฟอร์มเอกสารรายรับ รายจ่ายของวิสาหกิจชุมชน (พ.ย.2566)
แบบรับรองคุณสมบัติของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีสิทธิยื่นข้อเสนอ เพื่อขอรับความช่วยเหลือ อุดหนุน จากเงินกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

เว็บไซต์สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) มีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น
เราจึงขอให้ท่านยินยอมสำหรับการใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน ข้อกำหนดเว็บไซต์ และนโยบายความเป็นส่วนตัว